หากคุณกำลังมองหาวิธีเพิ่มคะแนนการเขียน IELTS ในระยะเวลาอันสั้น อาจง่ายกว่าที่คุณคิด
เราจะมุ่งเน้นไปที่ Task 2 (การเขียนเรียงความ) ซึ่งมีอยู่ในทั้ง IELTS Academic และ General Training อย่างไรก็ตาม เกณฑ์การให้คะแนนมีความคล้ายคลึงกันสำหรับทั้ง Task 1 และ Task 2 ดังนั้นสิ่งที่คุณจะได้อ่านนี้สามารถนำไปใช้กับทั้งการเขียนเรียงความและการเขียนกราฟ/จดหมายได้
เกณฑ์การให้คะแนนสำหรับ IELTS Writing Task 2
ขั้นตอนแรกในการปรับปรุงคะแนนการเขียน IELTS คือการทำความเข้าใจว่าเกณฑ์การให้คะแนนมีอะไรบ้าง เมื่อคุณคุ้นเคยกับเกณฑ์เหล่านี้แล้ว คุณสามารถวิเคราะห์การเขียนของคุณและระบุพื้นที่ที่ต้องการการปรับปรุงได้
เกณฑ์ที่คุณจะถูกประเมินมีดังนี้:
การตอบสนองต่อคำถาม (Task Response)
ความสอดคล้องและความเชื่อมโยง (Coherence and Cohesion)
ทรัพยากรทางภาษา (Lexical Resource)
ความหลากหลายและความถูกต้องของไวยากรณ์ (Grammatical Range and Accuracy)
แต่ละเกณฑ์เหล่านี้หมายถึงอะไรบ้าง?
มาทำความเข้าใจรายละเอียดของแต่ละเกณฑ์เพื่อให้แน่ใจว่าคุณกำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้องในการปรับปรุงคะแนนของคุณ
วิธีปรับปรุงคะแนนการเขียน IELTS ของคุณ
ตอนนี้คุณทราบแล้วว่าผู้ตรวจต้องการอะไร ต่อไปคือการเริ่มต้นปรับปรุงการเขียนของคุณให้ดียิ่งขึ้น
เราจะพูดถึงวิธีที่คุณสามารถมั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับคะแนนสูงสุดในแต่ละเกณฑ์การประเมิน โดยการนำกลยุทธ์ง่ายๆ มาใช้ ตัวอย่างทั้งหมดที่จะยกมานั้นจะอ้างอิงจากคำถามเรียงความด้านล่างนี้:
Some people say that the main aim of advertising is to improve the sale of products that people do not need.
To what extent do you agree or disagree?
1.การตอบสนองต่อคำถาม (Task Response)
เป็นสิ่งสำคัญที่คุณต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจโจทย์ให้ถ่องแท้ก่อนเริ่มเขียน และตัดสินใจให้ชัดเจนว่าความคิดเห็นของคุณคืออะไร รวมถึงข้อโต้แย้งที่จะใช้สนับสนุนความคิดเห็นนั้น
ดังนั้น ก่อนเริ่มเขียน คุณควร:
วิเคราะห์คำถาม: ทำความเข้าใจทุกส่วนของโจทย์
ระดมความคิด: รวบรวมแนวคิดและตัวอย่างที่เกี่ยวข้อง
จัดระเบียบแนวคิด: เพื่อให้ความคิดเรียงลำดับและเชื่อมโยงกัน (ช่วยเรื่องความสอดคล้องและความเชื่อมโยง)
สำหรับคำถามด้านบน หากคุณเห็นด้วย ควรให้เหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมคุณถึงเห็นด้วย และสนับสนุนแต่ละเหตุผลด้วยตัวอย่างหรือข้อมูลเพิ่มเติม ดูตัวอย่างเรียงความของเราสำหรับคำถามประเภทต่างๆ เพื่อเรียนรู้วิธีตอบและให้การสนับสนุนที่ดี
2.ความสอดคล้องและความเชื่อมโยง (Coherence and Cohesion)
การใช้คำเชื่อมโยง (cohesive devices) อย่างเหมาะสมและถูกต้องจะช่วยให้การเขียนของคุณมีความลื่นไหลและช่วยเพิ่มคะแนน
คำเชื่อมโยงต่อไปนี้เหมาะสำหรับการเขียนที่มีระดับสูงขึ้น หากใช้อย่างพอดี แต่ควรพยายามแทนที่บางคำด้วยวิธีเชื่อมโยงไอเดียที่ซับซ้อนและก้าวหน้ามากขึ้น:
Firstly/Secondly
Furthermore
Moreover
In addition
Additionally
However
Nevertheless
As a result
On the one hand/On the other hand
For example
By way of example
For instance
To illustrate
To sum up
In conclusion
Ultimately
การใช้คำเชื่อมโยงเหล่านี้อย่างเหมาะสมและหลีกเลี่ยงการใช้มากเกินไป จะช่วยให้การเขียนดูเป็นธรรมชาติและน่าสนใจมากขึ้น
อย่าใช้คำเชื่อมในตำแหน่งเริ่มต้นประโยคมากเกินไป เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องหลีกเลี่ยงการใช้หรือบังคับใช้คำเชื่อมประเภทนี้ในตำแหน่งเริ่มต้นประโยคมากเกินไป หากคุณต้องการปรับปรุงคะแนนการเขียน IELTS เพราะจะทำให้การเขียนดูเหมือนเครื่องจักร ข้อแตกต่างสำคัญระหว่างคะแนนสูงและคะแนนต่ำคือ เรียงความที่ได้คะแนนสูงจะใช้คำเชื่อมโยงอย่างเป็นธรรมชาติ
ลองดูตัวอย่างย่อหน้าที่มีคำเชื่อมในตำแหน่งเริ่มต้น ซึ่งได้คะแนนต่ำ และวิธีปรับปรุงให้ได้คะแนนสูงขึ้น:
คะแนนต่ำ:"Moreover, advertising can sometimes introduce products that enhance the quality of life. As a result, they can contribute positively to consumer choices. For instance, this could be healthy food options, which showcase such products. Ultimately, advertising will then play a role in improving public health."
ปรับปรุง (คะแนนสูง):"Another way that advertising is beneficial is that it can introduce products that enhance the quality of life, thereby positively influencing consumer choices. For instance, promotions for healthy food options can lead to better dietary habits, ultimately playing a role in improving public health."
เหตุผลที่ย่อหน้าปรับปรุงได้คะแนนสูงขึ้น:
การใช้คำเชื่อมโยงที่หลากหลายและไม่ซ้ำในตำแหน่งเริ่มต้น
ประโยคมีการเชื่อมโยงกันอย่างลื่นไหลโดยไม่ใช้คำเชื่อมพื้นฐานซ้ำๆ
การจัดโครงสร้างทำให้ข้อความดูเป็นธรรมชาติและไม่ซ้ำซาก
3.ทรัพยากรทางภาษา (Lexical Resources)
การเพิ่มคะแนนการเขียน IELTS ของคุณ สามารถทำได้โดยการใช้คำศัพท์ที่ไม่ค่อยพบเห็นทั่วไป (uncommon vocabulary) และการใช้คำพ้องความหมาย (synonyms) เพื่อลดการซ้ำของคำเดิม
คำสำนวน (Idiomatic Expressions) คำสำนวนที่เหมาะสม ("Idiomatic items when appropriate") ถูกระบุไว้ในเกณฑ์การให้คะแนนระดับสูง อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก Task 2 เป็นงานเขียนเชิงวิชาการ (academic writing) คุณควรหลีกเลี่ยงคำสำนวนที่ไม่เป็นทางการ เช่น:
a piece of cake
costing an arm and a leg
raining cats and dogs
ตัวอย่างคำสำนวนที่เหมาะสมกับงานเขียนเชิงวิชาการ:
Climbing the corporate ladder (การไต่เต้าในองค์กร)
Double-edged sword (ดาบสองคม)
At a crossroads (อยู่ในจุดที่ต้องตัดสินใจสำคัญ)
A means to an end (วิธีการเพื่อบรรลุเป้าหมาย)
Call into question (ตั้งคำถามต่อความน่าเชื่อถือ)
Tip of the iceberg (ส่วนเล็กๆ ของปัญหาที่ใหญ่กว่า)
Raise the bar (ยกระดับมาตรฐาน)
ตัวอย่างการใช้คำสำนวนและคำศัพท์ขั้นสูง:
"Advertising can act as a double-edged sword; on the one hand, it drives consumerism of non-essential items, but on the other hand, it disseminates crucial information about novel and useful products."
4.ความหลากหลายและความถูกต้องของไวยากรณ์ (Grammatical Range and Accuracy)
นอกจากการตรวจสอบเรียงความเพื่อหาข้อผิดพลาดด้านเครื่องหมายวรรคตอนหรือไวยากรณ์แล้ว คุณควรฝึกเขียนประโยคประเภทต่างๆ ได้แก่ ประโยคซับซ้อน (complex sentences) ประโยครวม (compound sentences) และประโยคง่าย (simple sentences) เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสอบ
ประโยคซับซ้อน (Complex Sentences):เป็นประโยคที่ประกอบด้วยประโยคย่อย (dependent clause) และประโยคหลัก (independent clause)
ตัวอย่าง:"While many argue that advertising merely boosts sales of unnecessary products, it is also true that some advertisements play an essential role in informing consumers about valuable innovations."
เทคนิคเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มคะแนน:
การเปลี่ยนคำกริยาเป็นคำนาม (Nominalisation):
การเปลี่ยนประโยคให้เป็นรูปคำนามเพื่อเพิ่มความเป็นทางการและความซับซ้อนของภาษา
ตัวอย่าง:
It is unclear if his choice of words were appropriate
The appropriateness of his choice of words is unclear (ใช้ nominalisation)
การใช้วลีคำนามซับซ้อน (Complex Noun Phrases):
การรวมคำคุณศัพท์และคำขยายอื่นๆ เข้ากับคำนาม
ตัวอย่าง:
The proportion of people in education increased by 15%
การใช้ประโยคแบบ Passive Voice:
ใช้รูปแบบนี้เพื่อเน้นการกระทำหรือผลลัพธ์แทนผู้กระทำ
ตัวอย่าง:
The need to help lower income families has been taken for granted for too long
Comments